4 วิธีฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดห้องให้ปลอดภัยจากไวรัส!
06 Aug 2021ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดแบบนี้ การรู้วิธีทำความสะอาดห้องให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคและเชื้อไวรัสถือเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว เพราะเชื้อไวรัสนั้นสามารถแพร่ทางกาศ (Airborne) ได้ไกลกว่า 2 เมตรเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าเชื้อโรค เชื้อไวรัสสามารถจะลอยอยู่ในอากาศไปเกาะตามวัสดุต่างๆ ในห้องได้ และสามารถอยู่ได้ยาวนานหลายวันอีกด้วย ถือเป็นภัยเงียบที่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าก็ว่าได้ แต่หากเราเข้าใจการทำความสะอาดห้องอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้ทุกคนในบ้านมีสุขภาพดีห่างไกลไวรัสต่างๆ ได้ หรือแม้แต่มีผู้ป่วยแล้วก็ตาม วิธีฆ่าเชื้อโรคแบบถูกต้องต่อไปนี้ ก็จะช่วยทำให้ห้องสะอาด ถูกอนามัย และดีต่อผู้ป่วยในระยะยาว
1. ล็อคเป้าจุดเสี่ยงที่ควรทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส
หากจะตอบว่า “ทุกจุดคือจุดเสี่ยง” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะการพูด ไอ จาม หรือสัมผัส ล้วนแล้วแต่ทำให้เชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสแพร่ไปเกาะตามพื้นผิวของสิ่งต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม จุดต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นจุดเสี่ยงสำคัญและต้องใส่ใจทำความสะอาดมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่เราต้องสัมผัสอยู่บ่อยๆ เช่น
- บริเวณประตู เช่น บานประตู กลอนล็อค ลูกบิด ที่ใส่รหัสหรือแตะคีย์การ์ด ล้วนเป็นจุดที่ใช้มือสัมผัสบ่อยมาก จึงควรทำความสะอาดบ่อยๆ ทุกวัน หรือบ่อยครั้งต่อวันได้ก็ยิ่งดีหากมีคนเข้าออกห้องบ่อยๆ
- บริเวณห้องนั่งเล่น หลายคนกลับมาที่ห้องเหนื่อยๆ ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาห้องนั่งเล่นเป็นอันดับแรก ซึ่งถือว่าเสี่ยงสุดๆ! เพราะเชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่ติดตามเสื้อผ้าและกระเป๋าของเราจะไปติดอยู่ที่โซฟา หมอน โต๊ะ และรีโมทด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะสัมผัสสิ่งต่างๆ ในห้อง
- สวิทช์ไฟ เป็นอีกจุดหนึ่งจุดเสี่ยงที่ต้องสัมผัสทุกวันเช่นกันแบบเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นจึงควรใช้ผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดทุกวัน และหลีกเลี่ยงการพ่นสเปรย์เพื่อป้องกันไฟช็อต
- ก๊อกน้ำ หลายคนมักล้างแต่มือ และลืมไปว่าพอเอามือสะอาดไปจับก๊อกที่มีเชื้อโรค มือของเราก็กลับมาสกปรกอีกครั้งทันที ดังนั้นไม่ว่าจะล้างจาน หรือล้างมือ ก็อย่าลืมล้างก๊อกน้ำด้วย
- ตู้เย็น เชื้อโรคและเชื้อไวรัสบางชนิดสามารถอยู่ในที่เย็นอุณภูมิต่ำกว่า 4 องศาได้นานถึง 1 เดือน นอกจากทำความสะอาดของที่จะแช่ก่อนเอาเข้าตู้เย็นแล้ว ก็ควรหมั่นทำความสะอาดตู้เย็นโดยเฉพาะที่จับตรงประตูด้วย คลิกดู 3 steps ล้างตู้เย็น สุดง่าย สะอาดเหมือนใหม่ในพริบตา ! ได้ที่นี่เลย
- ห้องน้ำ ถือเป็นจุดเสี่ยงมากๆ อีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะหากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับผู้ป่วย เพราะเป็นบริเวณที่มีสารคัดหลั่งจำนวนมาก จึงควรปิดฝาชักโครกทุกครั้งก่อนกดน้ำ และทำความสะอาดห้องน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัสเป็นประจำ
- พื้นห้องบริเวณที่เก็บรองเท้า ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ที่เก็บรองเท้า หรือพื้นบริเวณที่วางรองเท้า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและเชื้อไวรัสทั้งนั้น แนะนำว่าเมื่อกลับถึงห้องแล้ว ควรฆ่าเชื้อบริเวณนี้ก่อนเปิดแอร์ ก็จะช่วยลดการฟุ้งกระจายได้มากทีเดียว
- ของใช้ใกล้ตัว อีกสิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึงก็คือ ของใช้ใกล้ตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือ กุญแจห้อง กุญแจรถ หูฟัง กระเป๋าสตางค์ ที่เราต้องต้องใช้มือหยิบบ่อยครั้งต่อวัน เมื่อกลับถึงห้องแล้วก็วางไว้ตามจุดต่างๆ ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นจุดเสี่ยงตามมา จึงควรทำความสะอาดของใช้ใกล้ตัวเหล่านี้บ่อยๆ เช่นกัน
2. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส
การทำความสะอาดแต่ละครั้ง นอกจากเชื้อโรคจะฟุ้งในอากาศขณะทำความสะอาดแล้ว ยังมีสารเคมีที่อาจก่อความระคายเคืองได้สำหรับผู้ที่แพ้ง่าย แต่อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้จะช่วยคุณได้
- ถุงขยะ
- ถังขยะแบบมีฝาปิด
- ถังน้ำ
- ไม้ถูพื้น
- แปรงแบบมีด้ามจับ
- ผ้าเช็ดทำความสะอาด
- ถุงมือยาง
- หน้ากากอนามัย
- รองเท้าบูท
3. เลือกวิธีทำความสะอาดห้องฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัสให้เหมาะกับพื้นผิว
นอกจากแอลกอฮอล์ 70% ที่หลายคนนิยมใช้แล้ว ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถใช้ทำความสะอาดห้องได้ และยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคกับเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ซึ่งเราสามารถเลือกให้เหมาะกับการทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ได้ดังนี้
1. ทำความสะอาดพื้นผิวทั่วไป
สามารถใช้น้ำยาฟอกขาว (Sodium Hypochlorite) ความเข้มข้น 0.05% ผสมน้ำยา 1 ส่วนในน้ำ 9 ส่วน หรือใช้ เดทตอล (Chloroxylenol 4.8%) โดยผสมน้ำยา 4 ฝาต่อน้ำสะอาด 2 ลิตร ก็เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัสบนพื้นห้องและพื้นผิวต่างๆ ได้
2. ทำความสะอาดพื้นผิวโลหะ
สามารถใช้แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% เช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส หรือหากกังวลว่าโลหะจะเป็นสนิมก็สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออื่นๆ แทนได้ แต่ที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือน้ำยาฟอกขาว เพราะจะกัดกร่อนพื้นผิวโลหะให้เกิดความเสียหายได้
3. ทำความสะอาดพื้นผิวผ้า
เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม สามารถซักทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกได้ตามปกติ โดยใช้น้ำร้อนอุณหภูมิ 60-90 องศาเซลเซียสในการซักต่อเนื่องอย่างน้อย 25 นาที และอบผ้าหรือตากผ้าให้แห้งสนิท (ควรดูความเหมาะสมตามชนิดของเนื้อผ้าด้วย) แต่ควรระมัดระวังไม่สะบัดผ้าก่อนซัก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคและเชื้อไวรัสฟุ้งในอากาศ และเมื่อซักแล้วก็ควรล้างมือด้วยสบู่หรืออาบน้ำทันที
4. ทำความสะอาดผื้นผิวที่มีสารคัดหลั่ง
สำหรับพื้นผิวที่มีสารคัดหลั่ง เช่น อ่างล้างหน้า ชักโครก ให้ใช้น้ำยาฟอกขาว โดยผสมในอัตราส่วน น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 9 ส่วน แล้วราดทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ก่อนจะล้างออกตามปกติ สามารถเน้นเป็นพิเศษบริเวณชักโครก ฝารองนั่ง ฝาปิดชักโครก ส่วนบริเวณที่ต้องใช้มือจับบ่อยๆ อย่างลูกบิดประตู กลอนประตู ราวจับ ที่แขวนกระดาษชำระ ฯลฯ สามารถใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์ 70% หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 0.5% เช็ดทำความสะอาดได้
5. ทำความสะอาดพื้นผิวข้าวของเครื่องใช้ที่สัมผัสอาหาร
สำหรับคนที่อยู่บ้านถือว่าข้อนี้ไม่ยาก เพียงทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจานตามปกติ ก็สามารถฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัสต่างๆ ได้ สิ่งสำคัญคือการล้างให้นานพอและสะอาดพอเท่านั้น หรือหากมีเครื่องล้างจานก็ยิ่งสะดวก เพราะเครื่องสมัยนี้นอกจากใช้น้ำร้อนในการล้างแล้ว ยังมีฟังค์ชั่นทันสมัยมากมายที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัสได้มากขึ้นด้วย
4. ศึกษาข้อควรรู้และข้อควรระวังในการทำความสะอาดห้องฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส
- ไม่ควรผสมน้ำยาฟอกขาวกับสารทำความสะอาด หรือสารฆ่าเชื้ออื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียโดยเด็ดขาด
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันก่อนเสมอ เช่น ถุงมือ รองเท้า หน้ากาก เพื่อป้องกันอาการระคายเคือง
- ควรเปิดหน้าต่างและประตูไว้ขณะทำความสะอาดเพื่อระบายอากาศ ป้องกันการสูดดมสารเคมีมากเกินไป
- ควรฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จแล้ว
- ควรเช็ดทำความสะอาดไปทิศทางเดียวกัน ไม่ย้อนกลับไปมา
- คัดแยกบรรจุภัณฑ์ใส่น้ำยาทำความสะอาดที่ใช้แล้ว ออกจากขยะทั่วไปในครัวเรือน และทิ้งในถังขยะอันตรายที่มีฝาปิด
- รวบรวมเศษขยะอื่นๆ ใส่ลงในถุงขยะสองชั้นแล้วมัดปากถุงขยะให้แน่นก่อนนำไปทิ้ง
- หลังทำความสะอาดเสร็จแล้วควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
และนอกจากทำความสะอาดห้องแล้ว สิ่งสำคัญก็คือการทำความสะอาดตัวเองด้วยการหมั่นล้างมือบ่อยๆ งดการเดินทางไปที่แออัด หรือพื้นที่ปิดที่อากาศไม่ถ่ายเท เพื่อลดจำนวนเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่างๆ ที่จะติดมากับเสื้อผ้าและร่างกายของเรา จะช่วยลดความกังวลเรื่องเชื้อโรคและเชื้อไวรัสได้เยอะเลยทีเดียว
แกรนด์ ยูนิตี้ เรามุ่งมั่นที่จะตอบทุกเหตุผลของการใช้ชีวิต เพื่อให้คุณได้ #ใช้ชีวิตบนเหตุผลของคุณ.