เคล็ดลับกู้ซื้อคอนโดให้ผ่านฉลุย! มือใหม่ต้องรู้ ก่อนพลาดโอกาสโดยไม่รู้ตัว

07 May 2025
Cover - เคล็ดลับกู้ซื้อคอนโดให้ผ่านฉลุย! มือใหม่ต้องรู้ ก่อนพลาดโอกาสโดยไม่รู้ตัว

ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้มนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มงานใหม่หรือใครที่ต้องการกู้ซื้อบ้านหรือกู้ซื้อคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเองอาจรู้สึกว่าการขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในเมืองเป็นเรื่องท้าทาย แต่ที่จริงแล้ว หากเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจเรื่องการกู้ซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมอย่างละเอียด จะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็ตาม

บทความนี้จะพาไปดูวิธีเตรียมการก่อนขอสินเชื่อซื้อคอนโดมิเนียม พร้อมแนะนำเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้การกู้ซื้อคอนโดผ่านฉลุย แต่จะมีวิธีไหนบ้าง ตามไปอ่านด้านล่างได้เลย

 

1. ตรวจสอบเครดิตและประเมินความสามารถทางการเงิน

สิ่งสำคัญก่อนเริ่มยื่นเรื่องซื้อคอนโดมิเนียมหรือกู้ซื้อบ้าน คือคุณจำเป็นต้องตรวจสอบเครดิตทางการเงินของคุณว่าสถานะตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะทางธนาคารจะพิจารณาส่วนนี้อย่างละเอียด ซึ่งโดยทั่วไป หากต้องการตรวจสอบเครดิตและประเมินความสามารถทางการเงิน สามารถทำได้ดังนี้

 

  • การเช็กเครดิตบูโรก่อนยื่นกู้

หากต้องการเช็กเครดิตบูโร คุณสามารถตรวจสอบผ่าน บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ NCB ซึ่งเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อดูว่ามีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันสามารถตรวจสอบผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือหรือเว็บไซต์ได้แล้ว และหากคุณมีการขอรายงานผลของเครดิตบูโรแล้วพบว่ายังมีหนี้ค้างชำระ ก็ควรรีบชำระให้หมดและรอให้ประวัติเครดิตดีขึ้นก่อนยื่นกู้ เพราะโดยทั่วไปข้อมูลในเครดิตบูโรจะถูกอัปเดตทุก ๆ 3-6 เดือน ดังนั้นการวางแผนล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ

  • คำนวณรายรับ-รายจ่าย และภาระหนี้สินที่มีอยู่

ถึงแม้จะมีประวัติเครดิตบูโรที่ดี แต่อย่างไรก็ตามก่อนยื่นกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ร่วมด้วย ดังนั้นก่อนวางแผนยื่นกู้ ควรทำรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือนเพื่อให้เห็นภาพรวมด้านการเงินและทราบว่าภาระหนี้ตอนนี้อยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ เพราะตามปกติแล้ว ภาระหนี้ทั้งหมดไม่ควรเกิน 40-50% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งหากมีภาระหนี้สูง คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ

 

2. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

อีกสิ่งสำคัญที่มือใหม่ไม่ควรพลาดก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้านและคอนโดมิเนียม คือ เอกสารประกอบการยื่นกู้ต้องถูกต้องและครบถ้วน โดยหลัก ๆ เอกสารที่ต้องใช้ มีดังนี้

 

  1. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน

เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่ามีรายได้ที่แน่นอนและต่อเนื่อง ดูมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ และถ้าให้ดีอาจเตรียมหนังสือรับรองเงินเดือนสำหรับผู้มีรายได้ประจำติดไว้ด้วย เผื่อกรณีที่บางธนาคารต้องการ

  1. รายการเดินบัญชี (Statement)

ส่วนนี้เพื่อให้ธนาคารดูการเข้า-ออกของการรับเงินเดือนว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ มีการบริหารเงินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร ดังนั้นก่อนยื่นกู้จึงควรวางแผนการใช้จ่ายให้ดีเพื่อสร้างรายการเดินบัญชีที่สวย และควรเตรียม Statement ไว้อย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อให้เห็นความเป็นไปในระยะยาว

  1. เอกสารรับรองรายได้

สำคัญไม่แพ้กันเพราะก่อนยื่นกู้ซื้อบ้านหรือขอสินเชื่อซื้อคอนโดมิเนียมควรมีหลักฐานที่แสดงถึงรายได้ที่ชัดเจนเพื่อลดข้อกังวลของธนาคาร แต่ในกรณีที่คุณไม่ใช่พนักงานเงินเดือน เช่น เป็นฟรีแลนซ์ เจ้าของธุรกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระ ก็อาจใช้หนังสือรับรองการเสียภาษี หรือหลักฐานการทำธุรกิจเป็นเอกสารประกอบส่วนนี้แทนได้

  1. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน

นอกจากเอกสารตามที่บอกไปแล้ว เอกสารพื้นฐานอย่างสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านก็ต้องมีในการใช้ยื่นกู้ ควรเตรียมให้พร้อมและทำสำเนาเผื่อไว้ในกรณีที่ต้องใช้หลายชุด รวมถึงอาจเตรียมสำเนาแบบออนไลน์เอาไว้ด้วย จะได้ค้นหาง่ายเวลาที่ต้องใช้

  1. เอกสารอื่น ๆ ตามความต้องการของธนาคาร

ในบางกรณีทางธนาคารอาจร้องขอเอกสารเพิ่มเติม เช่น เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถือครอง หรือหลักฐานภาระหนี้สินเดิม ดังนั้นหากคาดการณ์ได้ว่าธนาคารน่าจะต้องใช้เอกสารส่วนนี้ด้วย ก็สามารถเตรียมเผื่อไว้ได้

 

3. ลดภาระหนี้สินและสร้างเครดิตที่ดี

สอดคล้องกับข้อแรกที่ได้บอกไปข้างต้น เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการกู้ซื้อคอนโดมิเนียม ผู้กู้ควรหาวิธีลดภาระหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีไปพร้อมกัน ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น

 

  • จ่ายหนี้ให้ตรงเวลาและลดการใช้วงเงินบัตรเครดิต หากมีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่ออื่น ๆ ควรชำระให้ตรงเวลาเสมอ เพราะการผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลเสียต่อเครดิตบูโร นอกจากนั้นควรลดการใช้วงเงินบัตรเครดิตให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 30% ของวงเงินที่มี เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถควบคุมการใช้เงินได้ดี

  • หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ก้อนใหม่ก่อนยื่นกู้ หากกำลังวางแผนกู้ซื้อคอนโด ควรหลีกเลี่ยงการขอสินเชื่อใหม่หรือผ่อนสินค้าในช่วง 6-12 เดือนก่อนยื่นกู้ เพราะการเพิ่มภาระหนี้สินอาจทำให้ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงในการไม่ชำระคืน ซึ่งลดโอกาสในการกู้ผ่านลงได้

  • เพิ่มวินัยทางการเงินและควบคุมค่าใช้จ่าย ด้วยการกำหนดงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และลดหรือตัดรายจ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งการสร้างวินัยทางการเงินนั้น ให้คุณเลือกในแบบที่รู้สึกว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์และทำให้เป็นไปได้จริง หรืออาจลองใช้หลักการพื้นฐาน เช่น การแบ่งรายได้ 3 ส่วน คือ แบ่ง 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น, 30% สำหรับไลฟ์สไตล์, และ 20% สำหรับออมเงินและชำระหนี้ เป็นต้น

  • ปิดบัญชีหนี้สินที่ไม่จำเป็น หรือรวมหนี้ไว้ที่เดียวเพื่อจัดการให้หมดไป หากมีสินเชื่อส่วนบุคคล หนี้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดที่อัตราดอกเบี้ยสูง ควรรีบชำระหนี้และปิดบัญชีเหล่านั้นก่อนยื่นกู้ เพื่อให้ภาระหนี้ลดลงและสร้างเครดิตการเงินที่ดี โดยอาจทำการรีไฟแนนซ์หรือรวมหนี้เข้าด้วยกันไว้ที่เดียว เพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยและยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน และเพิ่มโอกาสให้มีเงินเหลือสำหรับผ่อนคอนโดมากขึ้น

  • เพิ่มคะแนนเครดิตโดยใช้สินเชื่ออย่างชาญฉลาด แนะนำให้ใช้สินเชื่อในจำนวนที่น้อยและผ่อนชำระให้ตรงเวลาเพื่อสร้างประวัติที่ดี แต่หากคุณยังไม่มีประวัติการทำสินเชื่อเลย ก็อาจลองสมัครบัตรเครดิตแบบวงเงินต่ำและใช้อย่างมีวินัยเพื่อสร้างประวัติทางการเงิน

 

4. เดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

อย่างที่บอกไปว่าการยื่นกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ธนาคารจะพิจารณาเกี่ยวกับรายการทางการเงินที่เกี่ยวข้องโดยรอบเกือบทั้งหมด ดังนั้นการเดินบัญชีการเงินอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกเรื่องที่ควรเตรียมไว้ให้ดีก่อนขอกู้ ซึ่งไม่ได้ต้องเตรียมการยุ่งยากอย่างที่คิด ไปดูแต่ละวิธีด้านล่าง

 

  1. รับเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคาร

การรับเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารอย่างต่อเนื่องเกิน 6 เดือน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ธนาคารถึงรายได้ที่แน่นอนและมั่นคง นอกจากนั้นการแสดงรายรับที่สม่ำเสมอแบบไม่ให้บัญชีขาดสภาพคล่อง ก็ถือเป็นการแสดงรายได้ที่ชัดเจนซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในสายตาของธนาคารด้วย

 

  1. เดินบัญชีอย่างเป็นระบบ

เช่น หากคุณเป็นพนักงานประจำ เมื่อได้รับเงินเดือนแล้วไม่ควรถอนหรือโอนเงินออกจนหมดบัญชี ให้แบ่งเงินติดบัญชีไว้เล็กน้อย หรือถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ แนะนำให้แยกบัญชีเงินส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจให้ชัดเจนเพื่อให้การตรวจสอบรายได้เป็นไปได้ง่ายขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการใช้บัญชีเพื่อรับโอนเงินจากแหล่งที่ไม่แน่นอน เช่น เงินโอนจากบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับรายได้

 

  1. หลีกเลี่ยงการฝาก-ถอนเงินก้อนใหญ่โดยไม่มีที่มา

ถึงแม้ว่าการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรระวังเรื่องการฝากหรือถอนเงินจำนวนมากโดยไม่มีแหล่งที่มาของเงินในช่วงก่อนยื่นกู้ซื้อบ้านหรือขอสินเชื่อซื้อคอนโดมิเนียม เพราะอาจทำให้ธนาคารเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความมั่นคงของรายได้ได้

 

5. เลือกคอนโดให้เหมาะกับงบประมาณ

นอกจากการวางแผนเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย การเตรียมเอกสารที่ครบถ้วน และการจัดการบัญชีที่ดีจะช่วยให้กู้ซื้อคอนโดแบบผ่านฉลุย การเลือกคอนโดมิเนียมที่มีช่วงราคาที่เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนก็สำคัญเช่นกัน โดยเคล็ดลับในการเตรียมการในส่วนนี้ มีดังนี้

 

  1. พิจารณาราคาคอนโดมิเนียมให้สอดคล้องกับรายได้

นั่นคือ ราคาคอนโดมิเนียมไม่ควรเกิน 5-7 เท่าของรายได้ต่อปี หรือค่างวดผ่อนควรอยู่ที่ไม่เกิน 30-40% ของรายได้ต่อเดือน เพื่อให้สามารถผ่อนชำระได้โดยไม่เป็นภาระหนักเกินไป ไปดูตัวอย่างการคำนวณค่างวดที่เหมาะสมด้านล่าง

 

ตัวอย่างการคำนวณค่างวด

- รายได้ 50,000 บาท/เดือน ต้องการผ่อน 40% ของรายได้

ค่างวดที่เหมาะสม = 50,000 × 40% = 20,000 บาท/เดือน

- รายได้ 30,000 บาท/เดือน ต้องการผ่อน 40% ของรายได้

ค่างวดที่เหมาะสม = 30,000 × 40% = 12,000 บาท/เดือน

เมื่อทราบค่าผ่อนชำระรายเดือนที่เหมาะสมแล้ว คุณก็สามารถพิจารณาราคาคอนโดมิเนียมที่สามารถซื้อได้ได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ทั้งนี้ราคาคอนโดมิเนียมก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสินเชื่อ เช่น อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อน ด้วยเช่นกัน

  1. เตรียมเงินดาวน์ให้มากขึ้น เพื่อลดภาระการกู้

ไม่ว่าจะเป็นการกู้ซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดมิเนียม การเตรียมเงินดาวน์เผื่อไว้อย่างน้อย 10-20% ของราคาคอนโดมิเนียม ก็จะช่วยลดวงเงินกู้และภาระดอกเบี้ยในระยะยาวได้ ยิ่งถ้าใครมีเงินก้อนใหญ่ แนะนำให้วางเงินดาวน์ให้มากขึ้นไว้หน่อย เพื่อช่วยลดภาระการผ่อนลง

 

  1. เตรียมเงินออมเผื่อไว้ด้วย

ด้วยหลาย ๆ ปัจจัยอาจส่งผลให้ธนาคารไม่ได้ปล่อยวงเงินกู้ในวงเงินตามที่เราคาดหวัง เพราะฉะนั้นหากมีคอนโดมิเนียมหรือบ้านในฝัน คุณควรเตรียมเงินออมสำรองเผื่อเอาไว้ในกรณีลักษณะนี้ด้วย หรือจะนำเงินออมส่วนนี้ไปเป็นงบสำหรับค่าใช้จ่ายยิบย่อยระหว่างการยื่นขอกู้ก็ได้

 

ทราบเคล็ดลับในการเตรียมความพร้อมทั้งหมดเรียบร้อย แต่หากมือใหม่คนไหนต้องการแผนสำรองอีกชั้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการกู้ซื้อคอนโดให้ผ่านฉลุย  ก็อาจพิจารณาการกู้ร่วมเพิ่มเติมได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเลือกคอนโดมิเนียมที่ทำให้ผ่อนได้อย่างอิสระและเหมาะสมกับงบประมาณที่มี

อย่าง คอนโดติดรถไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท 6 โครงการพร้อมอยู่ ของแกรนด์ ยูนิตี้ ที่มาพร้อมการออกแบบที่ช่วยให้ชีวิตคุณสะดวกสบาย เดินทางง่าย ในราคาที่คุ้มค่า หากสนใจสามารถดูรายละเอียดในเว็บไซต์ แกรนด์ ยูนิตี้ ได้เลย

 

แกรนด์ ยูนิตี้ เราคิดทุกองค์ประกอบ บนทุกเหตุผลของการอยู่อาศัย เพื่อให้คุณได้ #ใช้ชีวิตบนเหตุผลของคุณ #MakesSense.