คำนวณผ่อนคอนโดด้วยตัวเองยังไงให้สบายใจ ไม่เป็นภาระทางการเงิน

04 Nov 2024
Cover - คำนวณผ่อนคอนโดด้วยตัวเองยังไงให้สบายใจ ไม่เป็นภาระทางการเงิน

การซื้อคอนโดถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ทางการเงินของหลายคน โดยเฉพาะคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้เมืองซึ่งสะดวกต่อการเดินทาง แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อคอนโดไม่ใช่เพียงแค่การเลือกทำเลหรือโครงการที่ถูกใจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการวางแผนเรื่องการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การผ่อนคอนโดนั้นสอดคล้องกับรายได้ ไม่เป็นภาระเกินไป และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ

การคำนวณผ่อนคอนโดจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะหลายครั้งที่ผู้ซื้อมองข้ามการประเมินค่าใช้จ่ายระยะยาว ส่งผลให้เกิดภาระหนักทางการเงินในภายหลัง การรู้วิธีคำนวณผ่อนคอนโดที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน และช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณผ่อนคอนโดได้ด้วยตัวเองโดยใช้สูตรที่เข้าใจง่าย พร้อมแนะนำปัจจัยที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาวงเงินกู้ เช่น รายได้และประวัติการเงินของผู้ขอกู้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการอนุมัติสินเชื่อ ทั้งนี้ หากคุณมีหนี้สินอื่นที่ยังค้างชำระ ธนาคารจะนำหนี้สินเหล่านี้มาประเมินด้วย ซึ่งการรู้ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างรอบคอบและมีโอกาสในการขออนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น

 

สูตรคำนวณผ่อนคอนโดจากรายได้ เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ได้จริง

การคำนวณผ่อนคอนโดให้เหมาะสมกับรายได้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณรู้ว่าโครงการที่ต้องการซื้อมีราคาที่สอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระหรือไม่ การใช้สูตรพื้นฐานนี้จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณวงเงินกู้คร่าว ๆ ได้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการขอสินเชื่อจากธนาคาร

สูตรการคำนวณวงเงินกู้เบื้องต้นสำหรับการผ่อนคอนโด
(รายได้ของผู้กู้ x 40%) x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้

ในที่นี้ ธนาคารมักพิจารณาการผ่อนชำระในอัตราที่ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน เพราะการคำนวณเช่นนี้ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้กู้และทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถผ่อนคอนโดได้โดยไม่ส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้กู้เอง

ตัวอย่างการคำนวณผ่อนคอนโดจากรายได้
สมมติว่าคุณมีรายได้สุทธิ 30,000 บาทต่อเดือน และกำลังสนใจซื้อคอนโดราคา 3 ล้านบาท

  1. คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนจาก 40% ของรายได้
    รายได้สุทธิ 30,000 บาท x 40% = 12,000 บาท

    ตัวเลขนี้คือยอดผ่อนต่อเดือนที่ธนาคารมองว่าเหมาะสม ซึ่งคุณจะสามารถผ่อนคอนโดได้โดยไม่เป็นภาระมากเกินไป
  2. คำนวณวงเงินกู้ที่สามารถขอได้:
    12,000 บาท x 150 = 1,800,000 บาท

ดังนั้น หากคุณมีรายได้สุทธิ 30,000 บาทต่อเดือน วงเงินกู้ที่ธนาคารมักพิจารณาให้คุณอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าคุณอาจต้องมองหาคอนโดที่มีราคาถูกลงหรือขยับทำเลที่คุณสนใจ และอีกวิธีคือเพิ่มเงินดาวน์ให้มากขึ้น เพื่อให้การผ่อนคอนโดอยู่ในงบประมาณที่จัดการได้

ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการคำนวณผ่อนคอนโดและวงเงินกู้
การใช้สูตรนี้เป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้น เพราะวงเงินกู้จริงที่ธนาคารอนุมัติอาจแตกต่างไปตามปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย ประวัติการชำระหนี้ เครดิตบูโร รวมถึงระยะเวลาที่คุณเลือกในการผ่อนชำระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาระหนี้สินอื่น ๆ เช่น บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารจะคำนึงถึงหนี้สินรวมและนำมาประเมินควบคู่กัน

แต่ในการคำนวณระยะเวลาในการกู้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มวงเงินกู้ได้ โดยทั่วไป หากคุณเลือกผ่อนชำระในระยะเวลาที่ยาวขึ้น ยอดผ่อนต่อเดือนจะน้อยลง ทำให้ธนาคารสามารถอนุมัติวงเงินกู้ที่สูงขึ้นได้ เพราะยอดผ่อนต่อเดือนจะไม่เกิน 40% ของรายได้ตามเกณฑ์ธนาคาร

ตัวอย่าง ตารางเปรียบเทียบช่วงรายได้กับวงเงินกู้สูงสุดและยอดผ่อนชำระต่อเดือนเมื่อใช้ระยะเวลากู้ 30 ปี

 

เงินเดือน

วงเงินกู้

วงเงินผ่อนชำระรายเดือน

15,000

1,626,600

9,700

30,000

3,269,900

19,500

50,000

5,449,900

32,500

100,000

10,899,800

65,000

150,000

16,349,700

97,500

อย่างไรก็ตาม การขยายระยะเวลาผ่อนชำระมักมีข้อควรพิจารณาดังนี้

  1. ดอกเบี้ยรวมที่สูงขึ้น การเลือกผ่อนชำระระยะยาว เช่น 30 ปี แทนที่จะเป็น 20 ปี อาจทำให้ดอกเบี้ยรวมตลอดอายุการกู้สูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการกู้ในระยะสั้น
  2. เพิ่มวงเงินกู้ได้ เมื่อธนาคารพิจารณาให้คุณเลือกผ่อนชำระในระยะเวลาที่ยาว เช่น 30 ปี วงเงินกู้ที่สามารถอนุมัติก็จะมากขึ้น เนื่องจากยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ทำให้คุณสามารถซื้อคอนโดที่มีราคาสูงขึ้นได้
  3. ความเสี่ยงในการผ่อนชำระ แม้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้นช่วยให้ผ่อนต่อเดือนน้อยลง แต่การมีภาระหนี้ระยะยาวก็อาจส่งผลกระทบต่อภาระทางการเงินของคุณในอนาคต ดังนั้น ควรประเมินให้รอบคอบว่าคุณสามารถรักษารายได้และสถานะทางการเงินไว้ได้ตลอดระยะเวลากู้

สรุปได้ว่า การเลือกระยะเวลาในการกู้คอนโดไม่เพียงช่วยให้คุณได้วงเงินกู้สูงขึ้น แต่ยังทำให้ยอดผ่อนคอนโดต่อเดือนสอดคล้องกับรายได้ อย่างไรก็ตาม ควรประเมินภาระทางการเงินในอนาคตและเลือกระยะเวลาให้เหมาะสมกับเป้าหมายและสถานการณ์ของคุณ และหากคุณสามารถคำนวณผ่อนคอนโดได้อย่างแม่นยำและมีการวางแผนการเงินที่รอบคอบ จะช่วยให้คุณผ่อนคอนโดได้อย่างสบายใจ ไม่เป็นภาระมากเกินไป พร้อมสร้างความมั่นใจในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

 

 ปัจจัยที่ธนาคารใช้ในการประเมินวงเงินกู้ซื้อคอนโด

เมื่อธนาคารพิจารณาการอนุมัติวงเงินกู้สำหรับการซื้อคอนโด ปัจจัยหลายอย่างนอกจากรายได้ของผู้กู้จะถูกนำมาประเมิน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้กู้สามารถผ่อนคอนโดได้โดยไม่เกิดภาระหนักเกินไป การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถคำนวณผ่อนคอนโดได้อย่างเหมาะสมและเตรียมตัวในการยื่นกู้ได้ดียิ่งขึ้น

ปัจจัยที่ธนาคารใช้ในการประเมินวงเงินกู้ซื้อคอนโด

  1. ความมั่นคงในอาชีพและรายได้

รายได้ที่มั่นคงและอาชีพที่มีความเสถียรเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ธนาคารให้ความสำคัญ หากคุณทำงานในบริษัท มีอายุงานที่ต่อเนื่องอย่างน้อย 1-3 ปีขึ้นไป จะเพิ่มความน่าเชื่อถือในการผ่อนคอนโด เนื่องจากธนาคารมองว่าคุณมีความสามารถในการผ่อนชำระระยะยาว การมีรายได้ที่คาดการณ์ได้ช่วยให้ธนาคารมั่นใจว่าคุณจะสามารถรับภาระการผ่อนคอนโดได้อย่างไม่สะดุด

  1. ประวัติเครดิตบูโร (Credit Bureau)

ประวัติเครดิตบูโรเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการประเมินการกู้ยืม โดยธนาคารจะตรวจสอบการจัดการหนี้สินที่ผ่านมาของคุณ หากคุณมีประวัติที่ดี ไม่มีการค้างชำระหรือการผิดนัดชำระหนี้ และมีประวัติการผ่อนชำระที่สม่ำเสมอ ธนาคารจะมองว่าคุณมีความน่าเชื่อถือในการจัดการการเงินและมีโอกาสสูงในการได้รับอนุมัติวงเงินกู้ที่มากขึ้น ดังนั้น การรักษาประวัติเครดิตบูโรให้ดีเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการขอสินเชื่อได้อีกทางหนึ่ง

  1. หนี้สินและภาระผ่อนชำระที่มีอยู่

หนี้สินปัจจุบันมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการผ่อนคอนโด ธนาคารจะพิจารณาภาระผ่อนที่คุณมีอยู่ เช่น หนี้รถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรเครดิต หากมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่แล้ว วงเงินกู้สำหรับการผ่อนคอนโดอาจลดลง ธนาคารต้องการให้ยอดผ่อนต่อเดือนสำหรับคอนโดไม่เกิน 40% ของรายได้ ดังนั้น หากมีภาระผ่อนที่สูงอยู่แล้ว อาจทำให้การอนุมัติวงเงินกู้ลดลงตามไปด้วย การเคลียร์หนี้สินบางส่วนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินกู้มากขึ้น

  1. อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนชำระ

อัตราดอกเบี้ยมีผลโดยตรงต่อยอดผ่อนชำระรายเดือน ยิ่งอัตราดอกเบี้ยต่ำ ยอดผ่อนต่อเดือนก็จะลดลง สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระนั้น ถ้าเลือกผ่อนยาวขึ้น เช่น 20 ปี หรือ 30 ปี ก็จะทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำลง แต่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมสูงขึ้น ซึ่งทำให้ภาระในระยะยาวเพิ่มขึ้น การเลือกอัตราดอกเบี้ยที่ดีและระยะเวลาผ่อนที่เหมาะสมช่วยให้การผ่อนคอนโดเป็นไปอย่างสบายใจโดยไม่เป็นภาระเกินไป

  1. ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

ธนาคารยังพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีประจำ เพื่อประเมินว่าหลังจากหักค่าใช้จ่ายพื้นฐานแล้ว คุณยังมีเงินเพียงพอสำหรับการผ่อนคอนโดได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากคุณมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นสูง อาจทำให้การผ่อนคอนโดกลายเป็นภาระ ธนาคารต้องการให้ผู้กู้มีเงินสำรองเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน

การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถคำนวณผ่อนคอนโดได้อย่างรอบคอบและตรงตามความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาว โดยควรตรวจสอบสถานะการเงินและการใช้จ่ายของตนเองให้ละเอียดก่อนยื่นขอสินเชื่อ

วิธีคำนวณผ่อนคอนโด

วิธีคำนวณผ่อนคอนโดหากมีหนี้สินอื่น ๆ อยู่แล้ว

การคำนวณผ่อนคอนโดเมื่อคุณมีหนี้สินอื่น ๆ อยู่แล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้การผ่อนคอนโดกลายเป็นภาระหนักและทำให้การเงินของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

วิธีคำนวณผ่อนคอนโดหากมีหนี้สินอื่น ๆ อยู่แล้ว

  1. ตรวจสอบภาระหนี้สินที่มีอยู่ทั้งหมด

เริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินทุกประเภทที่คุณมี โดยคุณควรตรวจสอบจำนวนเงินที่ต้องชำระต่อเดือน เช่น

  • หนี้รถยนต์ รายเดือนที่ต้องชำระ
  • สินเชื่อส่วนบุคคล รายเดือนที่ต้องชำระ
  • บัตรเครดิต จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องชำระ

ให้รวมยอดทั้งหมดที่ต้องชำระในแต่ละเดือน และนำมาหักออกจากรายได้สุทธิของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าคุณมีเงินเท่าไรในการผ่อนคอนโด

  1. ปรับสัดส่วนการผ่อนชำระเพื่อไม่ให้เกิน 40% ของรายได้สุทธิ

เพื่อให้การผ่อนคอนโดไม่กลายเป็นภาระหนักเกินไป ธนาคารมักแนะนำว่าภาระหนี้สินทั้งหมด (รวมถึงหนี้คอนโด) ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้สุทธิของคุณ คำนวณดูว่าหนี้สินทั้งหมดที่คุณมีอยู่แล้ว (รวมถึงหนี้ใหม่ที่จะเกิดจากการผ่อนคอนโด) จะมีสัดส่วนเป็นอย่างไร เช่น

  • รายได้สุทธิ: 30,000 บาท
  • หนี้สินที่มีอยู่: 12,000 บาท (หนี้รถยนต์ + สินเชื่อส่วนบุคคล)
  • จำนวนเงินที่สามารถใช้ผ่อนคอนโดได้
    (30,000−12,000)×40% = 7,200 บาท

หมายความว่าคุณสามารถใช้เงินจำนวน 7,200 บาทในการผ่อนคอนโดได้ โดยต้องไม่ให้รวมกับภาระหนี้สินอื่น ๆ เกิน 40% ของรายได้

  1. เลือกดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนที่เหมาะสม

เมื่อคุณรู้ว่าคุณสามารถใช้เงินในการผ่อนคอนโดได้เท่าไร ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนที่เหมาะสม โดยการเลือกระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้นสามารถช่วยลดภาระผ่อนต่อเดือนได้:

  • ระยะเวลาผ่อน 15 ปี:
    • อัตราดอกเบี้ย 5%
    • ยอดผ่อนต่อเดือน (ประมาณการ) = 7,200 บาท
  • ระยะเวลาผ่อน 20 ปี:
    • อัตราดอกเบี้ย 5%
    • ยอดผ่อนต่อเดือน (ประมาณการ) = 6,000 บาท

การคำนวณผ่อนคอนโดไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการคำนวณเบื้องต้น และทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ธนาคารพิจารณา คุณจะสามารถวางแผนการผ่อนชำระได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินรายได้ การจัดการหนี้สิน หรือการเลือกระยะเวลาผ่อนและอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม คุณจะพร้อมที่จะมีคอนโดเป็นของตนเองได้อย่างมั่นใจ

อย่าลืมว่า การวางแผนทางการเงินที่ดีและการคำนวณผ่อนคอนโดอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในทุกขั้นตอนของการซื้อคอนโด เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตในคอนโดที่คุณเลือกได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภาระผ่อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ การเลือกคอนโดมิเนียมที่ดีทั้งในด้านของทำเล คุณภาพ และราคา จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

 

โครงการคอนโดมิเนียมของแกรนด์ ยูนิตี้ มุ่งเน้นการตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชัน เราไม่เพียงเสนอคอนโดพร้อมอยู่ แต่ยังมอบคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ให้คุณได้รับความคุ้มค่าที่สุดอย่างแท้จริง

แกรนด์ ยูนิตี้ เรามุ่งมั่นที่จะตอบทุกเหตุผลของการใช้ชีวิต เพื่อให้คุณได้ #ใช้ชีวิตบนเหตุผลของคุณ #GrandUnity #MakesSense.